พิซซ่า ฟองดู หรือราเคล็ตต์เป็นอาหารที่ขาดชีสละลายที่นุ่มยืดไปไม่ได้ แต่หากชีสนั้นไม่ละลายหรือไม่ยืดดีก็อาจทำให้จานอาหารเหล่านี้ไม่สมบูรณ์ได้ จุดอ่อนตัวคือพารามิเตอร์หลักในการตรวจวัดคุณสมบัติในการละลายของชีสและเพื่อช่วยให้แน่ใจได้ว่าอาหารจะออกมาอร่อย
จุดอ่อนตัวหรือ SP คืออุณหภูมิที่สารอ่อนตัวหรือยืดตามน้ำหนักที่กำหนดและไหลลงตามระยะทางที่กำหนด (ระยะทางของการไหล) โดยปกติจะมีการใช้ลูกบอลเป็นตุ้มน้ำหนักเพื่อกระตุ้นการไหลของสาร ซึ่งการใช้เทคนิคนี้จะสามารถศึกษาได้ทั้งค่าความร้อนและคุณสมบัติทางรีโอโลยี เช่น ความสามารถในการหลอมละลาย ความโน้มเอียงของการไหล และความยืด (สรุปอยู่ในตารางที่ 1) [1]
ชีสคือส่วนประกอบที่นำมาใช้กับอาหารปรุงสำเร็จกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากชีสจะยืดหยุ่นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น การตรวจวัด SP จึงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการกำหนดลักษณะเฉพาะของชีส และนักวิทยาศาสตร์การอาหารก็นำ SP มาใช้กันมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าผลที่ได้จะน่าพึงพอใจ
คำบ่งชี้ลักษณะ | คำจำกัดความ | การตรวจวัด |
---|---|---|
ความสามารถในการหลอมละลาย/การละลาย | แนวโน้มที่จะอ่อนตัวเมื่อได้รับความร้อน | จุดอ่อนตัว |
ความหนืด/การไหล | แนวโน้มที่จะแผ่กระจายและไหลเมื่อถูกทำให้ละลาย | แผนภาพความอ่อนตัว |
ความยืด | แนวโน้มที่จะเป็นเส้นเมื่อยืดออก | วิดีโอ |
ตารางที่ 1: คุณสมบัติทางเนื้อสัมผัสของชีสละลาย
ขั้นตอนปฏิบัติ
ในส่วนนี้ เราได้ทดสอบชีสละลาย 3 ชนิดโดยใช้ระบบวัดจุดหยดตัวระดับ Excellence ของ METTLER TOLEDO จะมีการทดลองเชดดาร์ เอมมองตัล และมอซซาเรลลาซ้ำพร้อมกัน โดยจะตรวจวัดตัวอย่างแต่ละชนิด 3 ครั้ง (n=6) เครื่องมือ Excellence จะช่วยให้มีการสังเกตทางวิดีโอในระหว่างและหลังการตรวจวัด ดังที่แสดงในภาพที่ 1
ภาพที่ 1: มุมมองของการตรวจวัดปกติ ซึ่งในกรณีนี้คือตัวอย่างมอซซาเรลลาที่จุดอ่อนตัว เส้นแนวนอนแสดงระยะทาง 19 มม. |
ในระหว่างที่ดำเนินการทดลอง SP จะมีการตรวจสอบระยะทางของการไหลอยู่เสมอ ทั้งนี้ ระบบจะสามารถกำหนดอุณหภูมิ SP ได้เมื่อตัวอย่างไหลไปเป็นระยะทาง 19 มม. โดยตัวอย่างแผนภาพของระยะทางจะเป็นดังภาพร่างในภาพที่ 2
ภาพที่ 2: แผนภาพอุณหภูมิระยะทางของการไหลสำหรับตัวอย่างชีสละลายแต่ละชนิดทีละตัวอย่าง |
เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหว ส่งผลต่อการไหลจากถ้วยของตัวอย่าง แรงโดยรวมที่ตัวอย่างที่กำลังไหลได้รับจะสามารถแสดงเป็นสูตรทางคณิตศาสตร์ได้ดังนี้
d = c0 + c1*T + c2*[exp(c3*T+ c4)]
(eq. 1)
โดยให้
d คือระยะทางของการไหลแนวดิ่ง
T คืออุณหภูมิ
c0 และ c1 คือพจน์เชิงเส้น
c2, c3 และ c4 คือพารามิเตอร์ของพจน์เลขชี้กำลัง
พารามิเตอร์ที่สำคัญที่สุดคือ c3 เนื่องจากเป็นพารามิเตอร์ที่แสดงให้เห็นว่าฟังก์ชันเลขชี้กำลังลดลงรวดเร็วเพียงใด หรือในแง่ของการทดลองจะหมายถึงว่าชีสอ่อนตัวลงได้เร็วเพียงใด
ในช่องการประมวลผลสัญญาณตามรูปแบบ c3 จะเป็นที่รู้จักในชื่อค่าคงที่เวลา (τ) และสามารถแสดงในรูปส่วนกลับได้ เนื่องจากเรากำลังพิจารณาอุณหภูมิ ไม่ใช่ความสัมพันธ์กับเวลา เราจะเรียกพจน์นี้ว่าค่าคงที่อุณหภูมิ τT ทั้งนี้ τT สามารถคำนวณหลังจากการปรับเส้นโค้งและสามารถนำไปใช้เพื่อจำแนกความต่างระหว่างตัวอย่าง SP ต่างๆ ได้
ผลลัพธ์
ตารางที่ 2 จะสรุปผลลัพธ์ของชีสละลายทั้ง 3 ชนิด ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า ทั้ง SP และ τT มีผลลัพธ์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น และ τT จะเรียงตั้งแต่เชดดาร์ เอมมองตัล ไปจนถึงมอซซาเรลลา
มอซซาเรลลาแสดงให้เห็นว่ามีค่า SP สูงที่สุดที่ 72.5 °C ซึ่งสูงกว่าตัวอย่างอีก 2 ชนิดอยู่ 10 °C เต็มๆ ค่า SP ของเชดดาร์และเอมมองตัลจะใกล้เคียงกันคือ 60.1 °C และ 62.7 °C ตามลำดับ หากชีสที่ต่างกัน 2 ชนิดมีค่า SP ที่คล้ายคลึงกัน ค่า τT จะเป็นตัวช่วยในการจำแนกความต่างระหว่างชีส 2 ชนิดนั้น
คุณสมบัติ | เชดดาร์ | เอมมองตัล | มอซซาเรลลา |
---|---|---|---|
SP | 60.8 ± 1.0 | 62.7 ± 1.2 | 72.5 ± 1.6 |
τT | 0.77 ± 0.18 | 1.48 ± 0.21 | 2.09 ± 0.13 |
ตารางที่ 2: ผลลัพธ์ของจุดอ่อนตัวและค่าคงที่อุณหภูมิ (τT) ค่าความไม่แน่นอนจะแสดงความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (n=6) ค่า SP มีหน่วยเป็น °C
บทสรุป
การให้ความร้อนจะเปลี่ยนโครงสร้างจุลภาคดั้งเดิมของชีส และการได้รับความร้อนจะเปลี่ยนเนื้อสัมผัสด้วย ข้อมูล SP จะบอกอุณหภูมิที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความร้อนนี้ ในขณะที่ τT จะบอกว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นรวดเร็วเพียงใด การตรวจวัดค่า SP จะช่วยอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์กันระหว่างพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น ความสามารถในการหลอมละลาย ความหนืด และความยืดในเชิงปรากฏการณ์วิทยา ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเหมาะสมของชีสในการทำสูตรเฉพาะต่างๆ
[1] R.Kapoor, L.E. Metzger, CRFSFS (7), 2008:194-214.