การขุดเหมืองเพชร
การชั่งน้ำหนักเพชรในเหมืองเพชรอาจเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากฝุ่น สิ่งสกปรก และแรงสั่นสะเทือนล้วนส่งผลกระทบเชิงลบต่อการดำเนินการของเซลล์การชั่งในเครื่องชั่งได้ทั้งสิ้น ในการพิจารณาศักยภาพของเหมืองว่าดำเนินการได้หรือไม่นั้น น้ำหนักของแร่ตัวอย่างจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับน้ำหนักขั้นสุดท้ายของเพชรที่ได้จากแร่ดังกล่าว ซึ่งอาจต้องใช้แร่ถึง 7 ตันเพื่อให้ได้เพชรที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว 1 กะรัต
เพชรหยาบที่สกัดจากเหมืองมีลักษณะคล้ายหินสีขาวขุ่นขนาดใหญ่ เพชรหยาบเหล่านั้นจะได้รับการคัดสรรและชั่งน้ำหนักก่อนจะส่งไปยังผู้ค้าส่งเพชร เครื่องชั่งพิกัด และความแม่นยำสูง ที่มีหน่วยชั่งเป็นกะรัตและให้ผลลัพธ์เป็นตัวเลขทศนิยมถึง 2 ตำแหน่งเหมาะกับการชั่งน้ำหนักเพชรเป็นอย่างมาก
การค้าเพชร
เพชรหยาบจะถูกขายให้กับผู้ค้าส่งที่ตลาดค้าเพชรและการประมูลเพชร ผู้ค้าส่งจะดำเนินขั้นตอนต่างๆ กับเพชร แล้วจึงขายต่อไปยังผู้ค้าปลีกเพื่อนำไปผลิตเป็นเครื่องประดับหรือนำไปใช้งานอื่นๆ เพชรที่เสร็จสมบูรณ์แล้วจะมาพร้อมรายงานการจัดระดับที่ระบุน้ำหนักของเพชรเป็นกะรัตจากสถาบันอัญมณีวิทยาหรือห้องปฏิบัติการทางอัญมณีวิทยา ในขั้นตอนสุดท้ายของการชั่งน้ำหนักเพชร น้ำหนักของเพชรจะได้รับการตรวจสอบยืนยันและการตกลงราคา
สำหรับการขายเพชรเป็นถุง เครื่องชั่งเพชรที่มี แอปพลิเคชันรวมยอดในตัวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำให้กระบวนการชั่งต่างๆ เป็นเรื่องง่ายและบันทึกค่าน้ำหนักของเพชรแต่ละเม็ด น้ำหนักโดยรวม และน้ำหนักโดยเฉลี่ย เครื่องชั่งกะรัต JET และ เครื่องชั่งกะรัต JE ของ METTLER TOLEDO ประกอบด้วยแอปพลิเคชันรวมยอดในตัว
สำหรับเพชรขนาดเล็กที่เหลืออยู่ เช่น เพชรที่ใช้ประดับนาฬิกา เครื่องชั่งกะรัตที่มีค่าความละเอียดสูงกว่า หรือแม้แต่เครื่องชั่งความละเอียดระดับไมโคร เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น
กระบวนการตัดเพชร
ผู้คนบางกลุ่มพิจารณาว่าการตัดเพชรเป็น C ที่สำคัญที่สุด เนื่องจากประเภทและคุณภาพของการตัดเป็นตัวกำหนดปฏิกิริยาที่เพชรมีต่อแสง กล่าวคือการตัดทำให้เพชรสะท้อนแสงเป็นประกายได้นั่นเอง การตัดคุณภาพต่ำทำให้มูลค่าของเพชรต่ำลง การตัดและการเจียระไนเพชรเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามาก
ในกระบวนการแปรรูปเพชรจากหินสีขาวขุ่นให้เป็นอัญมณีประกายแสงที่ผู้คนปรารถนานั้น เนื้อเพชรมากถึง 60% อาจถูกตัด บด และเจียระไนออกไป ผู้ตัดต้องพบกับความท้าทายในการลดการสูญเสียให้ต่ำสุดและคงเหลือเนื้อเพชรที่ใช้การได้ไว้ให้มากที่สุด ยิ่งเพชรที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมีขนาดใหญ่มากเท่าใด ก็ยิ่งมีมูลค่ามากเท่านั้น โดยเพชรขนาดเล็กสามารถนำไปใช้ในเครื่องประดับได้ เช่น นาฬิกา ส่วนเพชรที่มีขนาดเล็กเกินกว่าจะนำไปใช้เป็นเครื่องประดับ เช่นเดียวกับฝุ่นจากการเจียระไนจะถูกนำไปใช้ในด้านอุตสาหกรรม เช่น เครื่องมือสำหรับการตัด เป็นต้น
ข้อมูลจากสถาบันอัญมณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (GIA) ระบุว่าเพชรได้รับการชั่งน้ำหนักเป็นกะรัตและได้ผลลัพธ์เป็นตัวเลขทศนิยมถึง 3 ตำแหน่ง (เศษหนึ่งส่วนพันของกะรัต) แล้วจึงปัดให้เป็น 2 ตำแหน่ง (เศษหนึ่งส่วนร้อยของกะรัต) โดยจะปัดค่าน้ำหนักขึ้นเมื่อเศษหนึ่งส่วนพันของกะรัตเท่ากับ 9 เท่านั้น และจะปัดค่าน้ำหนักลงหากทศนิยมตำแหน่งที่ 3 เป็นค่าอื่น ค่ากะรัตที่ระบุในใบรับรองเพชรจะเป็นตัวเลขทศนิยมถึง 2 ตำแหน่ง ในเครื่องชั่งเพชรและเครื่องชั่งกะรัตของ METTLER TOLEDO เครื่องชั่งกรัมที่เพิ่มมาจะแสดงค่าน้ำหนักเป็นตัวเลขทศนิยมถึง 4 ตำแหน่งเพื่อความถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ความเป็นไปได้นี้สำคัญต่อผู้ตัดที่ต้องพยายามคงค่ากะรัตรวมไว้ให้ได้มากที่สุดจากเพชรหยาบ นอกจากนี้ ผู้ค้าส่งเพชรยังต้องใช้เครื่องชั่งหลายเครื่อง และที่สำคัญคือเครื่องชั่งเหล่านั้นต้องมีการทำงานที่สม่ำเสมอเท่ากันทุกเครื่อง
เซลล์การชั่งและตุ้มน้ำหนักทดสอบภายในประสิทธิภาพสูงช่วยให้เครื่องชั่งเพชรและเครื่องชั่งกะรัต JET และ JE ของ METTLER TOLEDO มีประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ ตุ้มน้ำหนักทดสอบภายในทำให้คุณสามารถปรับเครื่องชั่งได้โดยการกดเพียงปุ่มเดียวเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำอย่างต่อเนื่อง
ในการจัดระดับเพชร สถาบันอัญมณีวิทยาและห้องปฏิบัติการทางอัญมณีวิทยาจะชั่งเพชรเป็นตัวเลขทศนิยมถึง 5 ตำแหน่ง ซึ่งก็คือ 0.00001 กรัม (หรือ 0.0001 กะรัต) ขอแนะนำให้ใช้เครื่องชั่งความละเอียดระดับไมโคร หรือเครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์
อัญมณี
อัญมณีมีค่าอื่นๆ เช่น ทับทิม มรกต และแซปไฟร์ ต้องผ่านกระบวนการเดียวกันกับเพชร แม้เกณฑ์การจัดระดับเพชร 4C จะสามารถใช้ประเมินคุณภาพของอัญมณีได้ แต่สีของอัญมณีมักเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สถาบันและห้องปฏิบัติการทางอัญมณีวิทยาสามารถใช้ความหนาแน่นของอัญมณีเพื่อระบุชนิดของอัญมณีได้ โดยสามารถติดตั้งชุดเครื่องมือวัดความหนาแน่นลงในเครื่องชั่งกะรัต JET หรือ JE ของ METTLER TOLEDO ได้อย่างง่ายดายเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว