การยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสในกระบวนการทางชีวภาพ

การยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสเป็นขั้นตอนแรกในบรรดาขั้นตอนต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผลิตภัณฑ์ชีววัตถุ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะมีด้วยกัน 2 ขั้นตอน โดยระหว่างการยับยั้งการทำงานของเชื้อนั้น ไวรัสใดๆ ที่ปรากฏอยู่ภายในสารแขวนลอยสำหรับบำบัดโรคแบบรวมตัวอย่างและแบบกึ่งบริสุทธิ์จะถูกทำลายโดยเจตนาหรือกลายสถานะจนไม่สามารถก่อโรคได้ในทันที โดยมักจะกระทำผ่านการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบๆ ไวรัสเพื่อเป็นการยับยั้งและทำลายสภาพตามธรรมชาติของโครงสร้างของไวรัสไปอย่างไม่สามารถกู้คืนได้

โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนนี้จะกระทำโดยการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบๆ ไวรัสเพื่อเป็นการยับยั้งและทำลายสภาพตามธรรมชาติของไวรัสไปอย่างที่ไม่สามารถกู้คืนได้  เช่น ด้วยวิธีทางเคมี ฟิสิกส์ หรือแม้แต่พลังงาน  การกำจัดเชื้อไวรัสถือเป็นวิธีที่แยกต่างหากและแตกต่างจากการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัส เนื่องจากวิธีนี้เป็นกระบวนการเสริมที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากไวรัสได้โดยการลดหรือแยกไวรัสออกจากโปรตีนหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ

ผลิตภัณฑ์ชีววัตถุจำนวนมากจะมีหรืออาจปนเปื้อนไวรัสระหว่างการผลิตหรือระหว่างกระบวนการต่างๆ ความสามารถในการก่อโรคและปริมาณหรือจำนวนของไวรัสในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาเหล่านี้ต้องได้รับการลดทอนหรือกำจัดทิ้งผ่านตัวกลางในการยับยั้งการทำงานและการกำจัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วย โดยไม่อาจกระทำเพียงแค่วิธีใดวิธีหนึ่งได้ การยับยั้งการทำงานและการกำจัดไวรัสนั้นมีหลายวิธีให้เลือกใช้ได้ตามลักษณะเฉพาะของไวรัสและประเภทของผลิตภัณฑ์ชีววัตถุนั้นๆ ขั้นตอนในการประมวลผลทางชีววัตถุหลายๆ ขั้นตอนจะใช้วิธีเสริมต่างๆ รวมกัน ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถด้านความหลากหลายในการกำจัดไวรัสให้สามารถกำจัดไวรัสได้มากเพียงพอ

การยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัส
ทำได้หลายวิธีด้วยกัน โดยวิธีที่พบได้ทั่วไปที่สุดได้แก่วิธีต่อไปนี้

• วิธีที่ใช้ค่า pH ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ชีววัตถุอย่างสารภูมิต้านทานโมโนโคลน (mAbs)
• วิธีที่ใช้ตัวทำละลายหรือสารลดแรงตึงผิว โดยมักจะใช้สำหรับพอลิแซ็กคาไรด์

วิธียับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสที่ไม่เป็นที่นิยมใช้กันนัก ได้แก่ การฆ่าเชื้อวิธีปาสเตอร์ การใช้ความร้อนแห้ง และการใช้ความร้อนด้วยการอบไอน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้เลือดหรือเซรุ่ม

การกำจัดเชื้อไวรัส
วิธีที่มีการบันทึกไว้เป็นอย่างดีสำหรับการกำจัดเชื้อไวรัสได้แก่การตกตะกอน โครมาโทกราฟี และนาโนฟิลเทรชัน

ตัวเลือกวิธีที่จะสามารถนำมาใช้ในการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสและการกำจัดเชื้อไวรัสจะขึ้นอยู่กับขนาด ประเภท และความไม่คงตัวของผลิตภัณฑ์ชีววัตถุที่มีการจัดเตรียมไว้ รวมถึงขึ้นอยู่กับวิธีในการทำให้บริสุทธิ์ซึ่งผู้ผลิตต้องการใช้ และลักษณะและค่าไทเทอร์ของไวรัสที่จะวิเคราะห์ โครงสร้างและการทำงานของสารยา (DS) ต่างก็เป็นคุณสมบัติด้านคุณภาพที่สำคัญเท่าเทียมกันเช่นเดียวกับความปลอดภัยจากไวรัส และจะต้องได้รับการประเมินและคงรักษาไว้ตลอดกระบวนการทำงาน วิธียับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสใดๆ ที่ใช้ค่า pH ต่ำหรือสารลดแรงตึงผิวก็จะมีข้อดีในแง่ของการควบคุมที่เที่ยงตรงและสามารถใช้กับพารามิเตอร์กระบวนการที่สำคัญ (CPP) หลายพารามิเตอร์พร้อมกันได้ ซึ่งเป็นความสามารถที่จำเป็นในการทำความเข้าใจกระบวนการและผลกระทบของสารยา (DS) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวทำปฏิกิริยาสำหรับการสังเคราะห์ทางเคมี จะเอื้อให้เกิดการเชื่อมโยงกระบวนที่ทันสมัยและการปฏิบัติงานที่สม่ำเสมอขึ้นได้ภายในพื้นที่พารามิเตอร์ที่กำหนด ในขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างรูปแบบสำหรับการถ่ายโอนและขยายขอบเขตวิธีด้วยเช่นกัน

การยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสในผลิตภัณฑ์ชีววัตถุด้วยค่า pH ที่ต่ำเป็นวิธีที่เชื่อกันว่าจะแปรผันได้ตามค่า pH, เวลา, อุณหภูมิ, ปริมาณของโปรตีน และปริมาณของตัวถูกทำละลายหรือบัฟเฟอร์ ไวรัสหลายๆ ตัวจะถูกทำลายสภาพตามธรรมชาติไปอย่างกู้คืนไม่ได้อีกและถูกทำลายลงได้ที่ค่า pH 5.0 - 5.5 โดยช่วงค่านี้ถือว่าอาจเพียงพอแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับขอบเขตของไวรัสที่กำหนดไว้สำหรับการยับยั้งการทำงานของเชื้อและการกำจัดออกเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ไวรัสที่มีเปลือกหุ้มบางประเภทจะถูกยับยั้งการทำงานของเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงค่า pH ที่ 3.5-4 เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์ชีววัตถุ mAb จำนวนมากต่างก็ต้องอาศัยการล้างที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวางสำหรับไวรัสหลายๆ ประเภทโดยเฉพาะดังนั้น การกำหนดค่า pH เป้าหมายไว้ “ต่ำ” ที่ 3.5-4 จึงเป็นวิธีที่ได้รับการนำมาปฏิบัติโดยทั่วไป (รูป A) อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ชีววัตถุบางประเภทที่ได้รับค่า pH ในช่วงดังกล่าวเป็นเวลานานเกินไปก็อาจได้รับความเสียหายหรือสูญเสียประสิทธิภาพไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรตีนหรือเอนไซม์ เช่น โปรตีนในกระแสเลือด อินซูลิน และอื่นๆ (รูป B) เมื่อโปรตีนและเอนไซม์ได้รับการกระตุ้นด้วยค่า pH เป็นเวลานาน โปรตีนและเอนไซม์เหล่านั้นจะประสบกับกระบวนการดิแอมิเดชัน การเสียสภาพธรรมชาติ และการเกาะกลุ่มกันของโปรตีน สารละลายอิมมิวโนโกลบูลิน (รวมทั้ง mAbs ชนิด IgG และ IgM) มักจะไวต่อการตอบสนองน้อยกว่าโปรตีนหรือเอนไซม์อื่นๆ ที่ค่า pH 3.5-5.5 แม้ว่าจะไวต่อการตอบสนองในหลายระดับก็ตาม ปริมาณไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคควรจะลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อผ่านช่วงเวลาที่เหมาะสมตามเงื่อนไขในการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสไปแล้ว อย่างไรก็ตาม อนุภาคไวรัส เศษซาก หรือสารอื่นๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่จะยังไม่ได้ถูกกำจัดออกไปจริงๆ (รูปภาพ C)

สำหรับผลิตภัณฑ์ mAb ชนิดอิมมิวโนโกลบูลินนั้น การใช้ค่า pH ที่ต่ำถือเป็นวิธีที่นำมาใช้อยู่บ่อยครั้งในการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัส เนื่องจากเป็นวิธีที่เรียบง่าย ใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย และมักจะต้องใช้การดำเนินการแทรกแซงหรือขั้นตอนเพิ่มเติมไม่มากนักในการกำจัดเชื้อไวรัส ไม่เหมือนกับการใช้สารลดแรงตึงผิวหรือตัวทำละลายอื่นๆ ทั้งนี้ เงื่อนไขที่เหมาะสมและดีที่สุดก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละโมเลกุล รวมถึงขอบเขตในการล้างไวรัสที่ต้องการด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาวิจัยแต่ละโมเลกุลให้ดีเพื่อกำหนดลักษณะและตรวจสอบประสิทธิภาพของพื้นที่ในการออกแบบหรือขอบเขตการปฏิบัติงานที่จะสามารถปฏิบัติการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอบเขตเหล่านี้และผลลัพธ์ของกระบวนการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสมักจะได้รับการกำหนดจากตัวแปรหรือพารามิเตอร์กระบวนการที่สำคัญ (CPP) ทั้งหมดหรืออย่างน้อย 1 รายการที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ในการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสและจะส่งผลต่อคุณภาพของสารยา (DS) ตามมาด้วย การระบุและการจัดการกับปัจจัยเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อคุณภาพและปริมาณของผลิตภัณฑ์

เดิมที การศึกษาการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสโดยการใช้ค่า pH ที่ต่ำนั้นจะดำเนินการกับสารละลายอิมมิวโนโกลบูลินในปริมาตรและความเข้มข้นที่กำหนดไว้ที่บรรจุอยู่ในภาชนะ เช่น บีกเกอร์ที่มีกลไกการคนด้วยพลังแม่เหล็ก และด้วยความที่วัตถุดิบที่ใช้ในการศึกษาส่วนมากจะเป็นสารละลายอิมมิวโนโกลบูลินที่มีค่า pH เริ่มต้นที่ใกล้เคียงสภาพทางชีวภาพหรือกายภาพ ดังนั้นการศึกษาวิจัยการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสจึงจะมุ่งอธิบายในเรื่องพารามิเตอร์ในการเพิ่มสารละลาย โดยทั่วไปแล้ว การไทเทรตด้วยตนเองจะกระทำโดยใช้บิวเรตหรือการปิเปตพร้อมกับบันทึกค่า pH ที่ตรวจวัดได้เป็นระยะ ภายหลังจากการเสร็จสิ้นกระบวนการภายในระยะเวลาที่กำหนดและด้วยพารามิเตอร์อื่นๆ ในสภาพที่ค่า pH ต่ำที่เพียงพอต่อการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว จะมีการไทเทรตกลับต่อสารยา (DS) หรือสารละลายอิมมิวโนโกลบูลินจากช่วงค่า pH ที่ต่ำไปสู่ช่วงค่าที่เหมาะสมตามพื้นฐานหรือตามชีวภาพหรือกายภาพ กระบวนการนี้จะทำหน้าที่เป็นขั้นตอนปิดการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยการคงไว้ซึ่งค่า pH ที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ตลอดการศึกษาวิจัยการไทเทรตค่า pH ที่ต่ำสำหรับการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัส อาจมีการสกัดตัวอย่างสำหรับทำการวิจัยนอกระบบเพื่อบันทึกองค์ประกอบคุณภาพ เช่น การเกาะกลุ่มหรือการดิแอมิเดชันผ่านวิธีต่างๆ เช่น Size Exchange Chromatography (SEC) แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ที่มีทักษะจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเที่ยงตรงดีอยู่แล้ว แต่กระบวนการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสก็เป็นกระบวนการที่ใช้ความอุตสาหะสูงและอาจเกิดปัญหาจากตัวแปรทางธรรมชาติ ความไม่ถูกต้องแม่นยำ และความท้าทายอื่นๆ ที่เกิดจากการต้องดำเนินกระบวนการใดๆ ด้วยตนเองซ้ำๆ

แม้ว่าความจำเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาวิจัยการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยค่า pH ที่ต่ำในกระบวนการทางชีวภาพขั้นปลายนั้นคือการกำหนดขอบเขตของการเพิ่มสารละลายและกำหนดเวลาที่ต้องใช้ในกระบวนการ แต่การกำหนดลักษณะเฉพาะของการดำเนินกระบวนการและผลกระทบจากพารามิเตอร์กระบวนการผสมก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกัน และนับเป็นข้อกำหนดหนึ่งในการรับรองการออกแบบกระบวนการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสให้คงที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ การเฝ้าติดตามอุณหภูมิและการควบคุมอุณหภูมิก็มักจะเป็นพารามิเตอร์ที่ถูกมองข้ามและไม่มีการควบคุมในช่วงระหว่างการศึกษาการพัฒนากระบวนการสำหรับการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัส

การละเลยเช่นนี้ส่วนหนึ่งอาจเกิดขึ้นจากการใช้ระบบการผลิตต้นแบบหรือแม้แต่ระดับพาณิชย์ซึ่งจะดำเนินการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสที่มีหรือถ่ายโอนภาชนะได้ โดยจะมีการจดบันทึกอุณหภูมิไว้แต่ไม่ได้ควบคุม ข้อมูลที่บ่งบอกขอบเขตหรือที่บ่งบอกการผสมโดยเฉพาะเจาะจงนั้นก็เป็นอีกพารามิเตอร์หนึ่งที่มักจะถูกมองข้ามได้ง่ายในการศึกษาวิจัยการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยค่า pH ที่ต่ำ เช่น กระบวนการที่กระทำผ่านแพลตฟอร์มแบบดำเนินการด้วยตนเองที่ควบคุมโดยจานคนพลังแม่เหล็ก การไม่ได้บันทึกข้อมูลทั่วไปอย่างการผสมจะทำให้ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันได้ว่าสภาพที่สันนิษฐานไว้ในการศึกษานั้นถูกต้องและสม่ำเสมอหรือไม่ 

การใช้ค่า pH ต่ำเพื่อยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสอาจทำให้เกิดความเสี่ยงของการเกาะกลุ่มกันของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างกระบวนการในช่วงระหว่างกระบวนการขั้นปลายสำหรับสารภูมิต้านทานโมโนโคลน การนำเสนอนี้นำเสนอโดย Hiren D. Ardeshna จาก GlaxoSmithKline โดยจะอธิบายถึงการออกแบบทางการทดลองแบบเชิงตัวประกอบเต็มรูปแบบเพื่อตรวจสอบผลกระทบของพารามิเตอร์กระบวนการทั้ง 4 อันได้แก่

• ปลายทางค่า pH ต่ำ
• เวลาที่คงรักษาค่า pH เอาไว้
• ระยะเวลาในการไทเทรตค่า pH ต่ำ
• ระยะเวลาในการไทเทรตเพื่อปรับค่าให้เป็นกลาง

วิธีการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดเป็นวิธีที่มักจะใช้กับไวรัสที่มีเปลือกหุ้ม การใช้สารละลายมักจะส่งผลเพียงเล็กน้อยในด้านความไม่คงตัวของโปรตีนบำบัดหรือสารต้านทานซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาในเรื่องการเสียสภาพตามธรรมชาติหรือดิแอมิเดชันกับวิธีการใช้ค่า pH ต่ำบางวิธี วิธีที่ใช้ตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดเพื่อยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสนั้นจะมีความจำเป็นและมีปัจจัยกระตุ้นมากไม่แพ้วิธีใช้ค่า pH ต่ำ ซึ่งตามหลักแล้วจะใช้เพื่อกำหนดขอบเขตในการเพิ่มสารละลาย (ในกรณีนี้จะเป็นตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาด) และเวลาที่ต้องใช้ในกระบวนการ และการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยค่า pH ที่ต่ำในอิมมิวโนโกลบูลินหรือสารยาประเภทอื่นๆ จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาวิจัยแต่ละโมเลกุลให้ดีเพื่อกำหนดลักษณะและตรวจสอบประสิทธิภาพของพื้นที่ในการออกแบบหรือขอบเขตการปฏิบัติงานที่จะสามารถปฏิบัติการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอบเขตและผลลัพธ์ของกระบวนการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสก็จะได้รับการกำหนดในแนวทางที่คล้ายคลึงกันด้วยพารามิเตอร์กระบวนการที่สำคัญ (CPP) รวมถึงอุณหภูมิ ปริมาณของโปรตีน ปริมาณของตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาด เวลาที่มี ณ เงื่อนไขในการยับยั้งนั้นๆ และการผสมและประสิทธิภาพของการทำให้ตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดเป็นเนื้อเดียวกัน การระบุและการจัดการกับปัจจัยเหล่านี้จะให้ผลกระทบในแง่ดีต่อคุณภาพและปริมาณของผลิตภัณฑ์

แม้ว่าการศึกษาวิจัยการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยสารทำความสะอาดจะไม่ได้อาศัยการไทเทรตสารละลายในลักษณะเดียวกันกับการศึกษาวิจัยด้วยค่า pH แต่ก็ยังจำเป็นต้องประเมินพื้นที่ในการออกแบบของตัวแปรที่สำคัญด้วยเช่นกัน เดิมที การศึกษาวิจัยการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสโดยใช้ตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดนั้นจะกำหนดลักษณะเฉพาะของกระบวนการผ่านการดำเนินการด้วยตนเองทั้งหมดเช่นเดียวกันกับการใช้ค่า pH ต่ำ การจ่ายและควบคุมสารละลายขึ้นอยู่กับความถูกต้องแม่นยำและความเที่ยงตรงของบุคลากรที่มีทักษะสูงที่ปฏิบัติงานที่สำคัญพร้อมๆ กันหลายงาน และเช่นเดียวกันนี้ การศึกษาเรื่องการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดก็จะขึ้นอยู่กับตัวแปรทางธรรมชาติ ความไม่แม่นยำ และความท้าทายในการทำซ้ำกระบวนการเดิมๆ

โดยทั่วไปแล้ว วิธีการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสที่พึ่งพาตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดมักจะมีจุดที่ต้องพิจารณาอื่นๆ และไม่เกี่ยวข้องกับวิธีการใช้ค่า pH ต่ำนัก ตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดใดๆ ที่เพิ่มเข้าไปจะต้องได้รับการนำออกจากสารยา (DS) หรือสารละลายอิมมิวโนโกลบูลิน และได้รับการตรวจสอบประสิทธิภาพด้วยวิธีการวิเคราะห์ที่เหมาะสมเสียก่อน ตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดใดๆ มักจะได้รับการนำออกผ่านวิธีโครมาโทกราฟีหรือการแลกเปลี่ยนบัฟเฟอร์ผ่านการกรองแบบไหลตามแนวสัมผัส การนำตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดออกจะดำเนินการด้วยวิธีที่มีจุดประสงค์คล้ายคลึงกับการไทเทรตค่า pH กลับจากการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วย pH ต่ำให้กลับไปเป็นค่าที่อยู่ในช่วงที่เหมาะสมตามพื้นฐานหรือตามชีวภาพหรือกายภาพ วิธีการแลกเปลี่ยนบัฟเฟอร์หรือวิธีโครมาโทกราฟีในขอบเขตที่กว้างมักจะทำงานในลักษณะของการปฏิบัติการที่ต่อเนื่องหรือกึ่งต่อเนื่อง เพราะวัตถุดิบจะเคลื่อนย้ายจากภาชนะบรรจุผ่านหลอดแก้วหรือเมมเบรนที่เหมาะสมอื่นๆ สำหรับการแลกเปลี่ยนตัวทำละลายหรือบัฟเฟอร์ ในการพัฒนากระบวนการ การยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดมักจะทำงานในลักษณะที่แตกต่างและแยกต่างหากจากขั้นตอนการทำให้บริสุทธิ์หรือการกำจัดที่ตามมา ดังนั้น ความต่อเนื่องของข้อมูลก็จะเกิดขึ้นได้ด้วยหลักปฏิบัตินี้

ผลิตภัณฑ์วัคซีนต่างๆ จะผ่านการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัส อันได้แก่ วัคซีนทอกซอยด์ โปรตีนลูกผสม ส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อโรค พอลิแซ็กคาไรด์ และแม้แต่วัคซีนอนุภาคที่คล้ายไวรัสใดๆ ก็ตาม และเช่นเดียวกัน การเลือกวิธีการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาถึงลักษณะธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ชีววัตถุนั้นๆ รวมถึงขอบเขตการแพร่กระจายของไวรัสที่จำเป็นต้องกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยทั่วไปแล้ว วิธีหรือหลักปฏิบัติทางเลือกที่จะช่วยป้องกันวัคซีนประเภทต่างๆ ไม่ให้มีการปนเปื้อนของไวรัสจากภายนอก เช่น ไวรัสที่ผ่านการทำให้อ่อนแอลงแล้ว จะต้องผ่านการพิจารณาอย่างเข้มงวด เพราะผลิตภัณฑ์ชีววัตถุก็ถือเป็นอนุภาคไวรัสด้วยเช่นกัน วิธีที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผลิตภัณฑ์เช่นนี้อาจรวมถึงกระบวนการนาโนฟิลเทรชันหรือโครมาโทกราฟิกอย่างน้อย 1 กระบวนการเพื่อลดจำนวนไวรัสจากภายนอกในแหล่งวัตถุดิบนั้นๆ ลง ไวรัสที่ถูกยับยั้งการทำงานของเชื้อหรือถูกทำลายแล้วอาจยังต้องผ่านกระบวนการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสที่ใช้ค่า pH ต่ำหรือใช้ตัวทำละลายหรือสารทำความสะอาดที่เหมาะสม เนื่องจากขั้นตอนดังกล่าวอาจจะยังรักษาประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ต้องการไว้ได้แม้ว่าผลิตภัณฑ์ไวรัสจะเสียสภาพตามธรรมชาติหรือถูกยับยั้งการทำงานก็ตาม

วิธีการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสสำหรับผลิตภัณฑ์โอลิโกนิวคลีโอไทด์หรือประเภทโมเลกุลต่างๆ ไม่ใช่วิธีที่พิจารณาแล้วว่าจำเป็นมากนัก ซึ่งตามหลักแล้วก็เนื่องมาจากลักษณะตามธรรมชาติของสารละลาย เงื่อนไขการเกิดปฏิกิริยา และวิธีในการประมวลผลซึ่งไม่พึงประสงค์นักต่อไวรัส ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์โอลิโกนิวคลีโอไทด์ต่างๆ ดังกล่าวทั้งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการผลิตต่างก็จะได้รับการทำให้บริสุทธิ์ ทำให้เข้มข้น และกำหนดสูตรเอาไว้โดยการแลกเปลี่ยนบัฟเฟอร์ที่หลากหลายผ่านการกรองแบบไหลตามแนวสัมผัส หรือโดยหนึ่งในการแยกแบบโครมาโทกราฟีประเภทต่างๆ

เนื่องจากความต่อเนื่องของข้อมูลและการบันทึก Batch แบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีความจำเป็น ตัวทำปฏิกิริยาการสังเคราะห์ทางเคมีจะทำหน้าที่เป็นตัวเพิ่มแรงในกระบวนการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสทั้งโดยการออกแบบและการดำเนินการทดลอง และด้วยการอำนวยความสะดวกในการเก็บบันทึกข้อมูลและความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูล เทคโนโลยีการวิเคราะห์กระบวนการ (PAT) เชิงตั้งฉากช่วยเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและขั้นตอนการทำงานต่างๆ เช่น การยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสด้วยการแลกเปลี่ยนบัฟเฟอร์ และสร้างรูปแบบการดำเนินกระบวนการของการปฏิบัติงานในขอบเขตที่กว้างได้อย่างถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น

ดู eDemo สดจากสำนักงานหรือที่บ้านของคุณในเวลาที่คุณกำหนดเองได้

• กดปุ่มเริ่มต้นแล้วปล่อยให้ระบบทำงานด้วยตนเองได้เลย โดยซอฟต์แวร์ iC จะตอบสนองต่อเงื่อนไขต่างๆ ภายในตัวทำปฏิกิริยาได้อย่างคล่องแคล่ว ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอภายใต้ข้อผูกมัดตามโปรโตคอลของการยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัส
• บันทึกข้อมูลจากเซ็นเซอร์หลายตัว ซึ่งรวมถึงข้อมูลค่า pH, การนำไฟฟ้า, ศักย์ไฟฟ้าของการเกิดปฏิกิริยารีด็อกซ์ (ORP) และออกซิเจนละลายน้ำ
• ผสานการทำงานกับอุปกรณ์ย่อย เช่น ปั๊มหรือเครื่องชั่งสำหรับถ่ายโอนครั้งละมากๆ แบบกราวิเมตริก

สเปกโตรสโกปี FTIR และสเปกโตรสโกปีรามานแบบ In-situ จะติดตามองค์ประกอบของกระบวนการทางชีวภาพที่สำคัญตลอดการปฏิบัติงานขั้นต้น ขั้นปลาย การเชื่อมต่อกัน และการผสมสูตร

กลูโคสและเมทาบอไลท์หลักสามารถเฝ้าติดตามได้ในแอปพลิเคชันขั้นต้น ในขณะที่ความเข้มข้นของโปรตีนและวัคซีน สารกันบูด กระสายยา และสารปลอมปนอื่นๆ ในกระบวนการขั้นปลายจะสามารถเฝ้าติดตามและควบคุมได้แบบเรียลไทม์โดยไม่มีความล่าช้าหรือไม่ต้องเสียต้นทุนไปกับการวิเคราะห์นอกระบบ

โดยตัวช่วยเหล่านี้จะทำให้การระบุปลายทางของกระบวนการเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ผู้ปฏิบัติงานจึงเข้าใจชัดเจนถึงผลกระทบของพารามิเตอร์กระบวนการต่างๆ ที่มีต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของกระบวนการ