ไม่ว่าจะตรวจวัดฝุ่นละอองในก๊าซไอเสีย การปล่อยไอระเหย บรรยากาศ หรืออากาศโดยรอบ การทดสอบการปล่อยมลพิษจากการชั่งน้ำหนักตัวกรองด้วยวิธีแบบกราวิเมตริกต้องทำตามขั้นตอนปฏิบัติเดียวกัน
1. ก่อนอื่น ให้ชั่งน้ำหนักตัวกรองเปล่าบนเครื่องชั่งในห้องปฏิบัติการ
2. บรรจุตัวกรองลงในตลับตัวกรองที่ติดฉลาก ปรับสภาพเบื้องต้น และขนย้ายไปที่ Test Site
3. ที่ Test Site จะมีการดูดอากาศหรือก๊าซผ่านตัวกรองที่อัตราการไหลที่ทราบตามระยะเวลาที่กำหนด โดยจะมีการเก็บฝุ่นละออง (PM) ไว้บนตัวกรอง
4. ในห้องปฏิบัติการ จะมีการปรับสภาพและชั่งน้ำหนักตัวกรองที่มีการกรองแล้วอีกครั้ง
5. การระบุมวลของ PM สามารถทำได้โดยหักลบน้ำหนักของตัวกรองเปล่าออก (การชั่งน้ำหนักเพื่อหาส่วนต่าง) ซึ่งจะคำนวณความเข้มข้นของ PM โดยใช้อัตราการไหลของตัวอย่างก๊าซ/อากาศ
ในขณะที่สามารถดำเนินการทดสอบโดยใช้ตัวกรองได้เพียงชิ้นเดียว วิธีปฏิบัติทั่วไปคือการทำการทดสอบซ้ำหลายๆ ครั้งและเก็บตัวกรองเปล่าไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อให้ไม่ต้องทำการนับวัดพื้นหลัง โดยอาจใช้ตัวกรองชิ้นเดียวหรือหลายชิ้นรวมกันในชุดตัวกรองแบบหลายชั้น
ความรู้ความชำนาญในการทดสอบการปล่อยมลพิษ
องค์การอนามัยโลก (WHO) พิจารณาอากาศสะอาดว่า “เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์” และกำหนดแนวทางการปฏิบัติสำหรับมลพิษที่เลือกซึ่งมีผลบังคับใช้ทั่วทั้งภูมิภาคของ WHO
มาตรฐานการปล่อยมลพิษกำหนดการจำกัดปริมาณที่อนุญาตสำหรับมลพิษทางอากาศเฉพาะ ซึ่งอาจปล่อยออกมาจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งตลอดช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง
ในสหรัฐอเมริกา CFR 40 ส่วนที่ 50 เป็นส่วนหนึ่งของประมวลข้อบังคับแห่งรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา โดยมีเนื้อหาว่าด้วยมาตรฐานคุณภาพอากาศแห่งชาติ สำนักงานบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OSHA) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรมแรงงานแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกระเบียบข้อบังคับ (มาตรฐาน – 29 CFR) เกี่ยวกับคุณภาพอากาศ และสถาบันความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (NIOSH) ก็ตระหนักถึงการส่งเสริมความปลอดภัยและสุขอนามัยในการทำงาน
สหภาพยุโรปกำหนดบทบัญญัติตามกฎหมายในรูปแบบของ DIRECTIVE 2008/50/EC เกี่ยวกับคุณภาพอากาศโดยรอบและอากาศในยุโรปที่สะอาดขึ้น ส่วน DIRECTIVE 2008/1/EC เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมมลพิษแบบบูรณาการ และ DIRECTIVE 89/654/EEC ระบุข้อกำหนดขั้นต่ำเกี่ยวกับสุขอนามัยและความปลอดภัยสำหรับสถานที่ปฏิบัติงาน
ภาคยานยนต์เป็นแหล่งที่มาหลักในการเกิดมลพิษต่างๆ รวมถึงคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ไฮโดรคาร์บอน (HC) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ฝุ่นละออง (PM) และก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั้งในสหภาพยุโรปและในสหรัฐอเมริกามีบทบัญญัติตามกฎหมายเพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษจากยานยนต์ และบังคับให้ผู้ผลิตยานยนต์ดำเนินการทดสอบการปล่อยมลพิษ
การทดสอบการปล่อยมลพิษและความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีวิธีการและแนวทางปฏิบัติหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวิธีการชั่งน้ำหนักตัวกรองด้วยวิธีแบบกราวิเมตริก แนวทางปฏิบัติและระเบียบข้อบังคับกำหนดขั้นตอนปฏิบัติเอาไว้เพื่อรับรองว่าการกรองสารมลพิษที่ปล่อยออกมามีความถูกต้องและสามารถทำซ้ำได้ รวมถึงระบุว่าควรใช้ตัวกรองและระบบการชั่งน้ำหนักใดสำหรับการตรวจวัดที่แสดงในตารางด้านล่าง
ตัวอย่างข้อกำหนดของแนวทางปฏิบัติสำหรับอุปกรณ์ชั่งน้ำหนักและเครื่องชั่งที่แนะนำมีดังต่อไปนี้
แนวทางปฏิบัติ |
ค่าอ่านละเอียด ที่กำหนด |
ความสามารถในการทำซ้ำที่กำหนด | เครื่องชั่ง |
---|
ความละเอียดสูงพิเศษ | ความละเอียดสูง |
CFR 40 ส่วนที่ 1065 | ขั้นตอนปฏิบัติในการทดสอบเครื่องยนต์ | 0.1 ไมโครกรัม | 2.5 ไมโครกรัม/ 0.25 ไมโครกรัม | ✔ | |
---|
DIRECTIVE 2004/26/EC | การปล่อยมลพิษที่เป็นก๊าซและอนุภาคจากเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในที่จะมีการติดตั้งในเครื่องจักรที่ไม่เคลื่อนที่บนถนน | 1 ไมโครกรัม | 2 ไมโครกรัม | | ✔ |
---|
DIRECTIVE 2005/78/EC | การปล่อยมลพิษที่เป็นก๊าซและอนุภาคจากเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยการอัดตัวเพื่อใช้ในยานยนต์ และการปล่อยมลพิษที่เป็นก๊าซจากการจุดระเบิดด้วยประกายไฟ เครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวสำหรับใช้ในยานยนต์เป็นเชื้อเพลิง | 1 ไมโครกรัม (ตัวกรองขนาด 70 มม.) / 0.1 ไมโครกรัม (ตัวกรองขนาด 47 มม.) | 2 ไมโครกรัม | ✔ | ✔ |
---|
เนื่องจากระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้นประกอบกับความทันสมัยของเทคโนโลยีเครื่องยนต์เผาไหม้ จึงมีการคาดการณ์ว่าปริมาณ PM ที่เก็บได้บนตัวกรองจะค่อยๆ ลดลง จากแนวทางปฏิบัติทั่วไปที่มีการระบุให้ใช้เครื่องชั่งที่มีค่าอ่านละเอียดเท่ากับ 1 ไมโครกรัมหรือ 0.1 ไมโครกรัม เครื่องชั่งความละเอียดสูงพิเศษที่มีความถูกต้องแม่นยำสูงจึงเป็นโซลูชันเดียวที่ตอบสนองความต้องการทั้งในปัจจุบันและในอนาคต